หนังผีดิบ จากทางฝั่งเกาหลีใต้ ที่มีเนื้อเรื่องและโปรดักชั่นไม่แพ้หนัง Hollywood กระแสที่ดังไม่หยุดในไทย ทำให้ทำเงินมากที่สุดขณะเข้าฉาย
หนังผีดิบ ที่ทำให้หลาย ๆ คน เมื่อได้ดูต้องรู้สึกตื่นเต้น และลุ้นตามไปกับตัวละคร ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่ ได้รับความนิยมก็คือ Train to Busan 2 Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง หลังจากที่ได้มีการ ฉายภาคแรกไปแล้ว ก็ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์เกาหลี ที่ดังไกลไปถึง Hollywood เลยทีเดียว
“ PENINSULA ” คือภาคต่อภาพยนตร์ซอมบี้ชื่อดัง “ TRAIN TO BUSAN ” ที่ได้สร้างกระแสอย่างล้นหลาม กวาดรายได้มหาศาล มาแล้วทั่วโลก คือภาพยนตร์ซอมบี้บ้าคลั่งที่สุด ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากโปรดักชั่นที่ไม่แพ้กับ Hollywood
สามารถจำลองพื้นที่รกร้าง ทั่วทั้งประเทศเกาหลี ซึ่งครั้งนี้มีการพูดถึงเหตุการณ์ 5 ปีหลังจาก Train to Busan พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วย กลุ่มซอมบี้ที่บ้าคลั่ง นอกจากนั้นยังมีจำนวน ผู้รอดชีวิตเหลือเพียงไม่มาก
จะทำให้เห็นถึง หนังซอมบี้ การหาทางเพื่อเอาชีวิตรอด การหาวิธีเอาตัวรอด จากพวกซอมบี้ อีกทั้งยังตามหา ผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยนำมาสู่ภารกิจที่สำคัญ ในพื้นที่ของประเทศเกาหลี ก่อนที่จะถึงขีดสุดความคลั่ง ก่อนวันสิ้นโลก
“PENINSULA” มีนักแสดงมากฝีมือ ของวงการภาพยนตร์เกาหลี รู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น “คัง ดงวอน” จาก Romance of Their Own และ A Violent Prosecutor และ “อี จองฮยอน” จาก The Battleship Island ซอมบี้เกาหลี
โดยในฉากจบ ของภาคแรก ที่ไปถึงเมือง Busan ฝั่งทางใต้ของประเทศเกาหลี ที่ทุกคนคิดว่าจะรอด ซึ่งในเวลาต่อมา พบว่าทั้งประเทศเกาหลี ต้องเจอกับโชคร้าย ที่กลุ่มซอมบี้เข้า ยึดครองได้ทั้งหมด
เนื้อเรื่องของ Peninsula นั้น จะเล่าย้อนกลับไปตอนที่ ผู้คนที่อยู่ในกลุ่มท้าย ๆ ได้เดินทางออกจากประเทศเกาหลี เพื่ออพยพไปที่ประเทศอื่น ๆ ซึ่งพื้นที่ในการดำเนินเรื่อง ก็คือ ฮ่องกง
ถือได้ว่าหนังเรื่องนี้ รีวิวหนัง-ซีรีย์เกาหลี มีการเล่าเนื้อเรื่องต่อจาก เรื่องเดิมได้ค่อนข้างดี มีการอธิบายถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ได้อย่างมีเหตุผล หากจะพูดถึงภาค 2 นั้น ไม่ได้พูดถึงเรื่องรถไฟอีกต่อไป
เนื่องจากเป็นการสร้างเนื้อเรื่อง ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด มีการใช้ตัวละครใหม่ โดยมีหนุ่มเกาหลีทั้งสี่ ต้องกลับไปทำภารกิจ ที่ประเทศเกาหลีอีกครั้ง เรียกได้ว่าคือภารกิจที่อันตราย แต่ก็แลกกับจำนวนเงินมหาศาล
ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตพวกเขาได้เลย ซึ่งมันเกี่ยวกับ เรื่องเหยียดเชื้อชาติ โดยหนุ่มทั้ง 4 คน โดนปฏิบัติมาตลอด เมื่อต้องย้ายมาอยู่ในฮ่องกง เนื่องจากความคิดของ ต่างชาตินั้นเห็นว่า ประเทศเกาหลี คือต้นตอของเชื้อไวรัสตัวนี้ ส่งผลให้พวกเขา ไม่สามารถเลือกได้มากนัก ในการยกระดับชีวิต ของตนเองให้ดีขึ้น ได้อีกครั้งหนึ่ง
ถึงแม้เนื้อหา จะไม่ได้ดูน่าตื่นเต้น แต่จะบอกว่ามี ฉากบู๊ ฉากแอคชั่น ที่ให้ได้ติดตามกัน เกือบตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งฉากที่ขับรถไล่ล่า เรียกได้ว่าทำได้อย่างดีทีเดียว ซึ่งฉากแอคชั่นสุดมันส์ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่เป็นภาพ CG นั้น ก็ทำออกมาได้ดี ไม่แพ้กับภาคแรกเลย
ซึ่งในภาคนี้เรื่องราว ของซอมบี้ จะน้อยลงไปเยอะ ไม่มีการบุกตะลุย คลั่ง ฆ่าคน เหมือนในภาคแรก แต่เรื่องราวจะแสดงให้เห็นด้านมืด ของตัวละครทั้งหมด โดยผ่านการเล่าเรื่อง ที่น่าสนใจเลยทีเดียว
เนื่องจากสิ่งที่ตัวละคร เคยได้เจอมา แต่ละคนนั้น มีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด อีกทั้งยังนำไปสู่ฉากจบ ตอนท้ายของเรื่อง ซึ่งถือได้ว่า กลับไป กลับมาหลายรอบเลยทีเดียว โดยผู้กำกับก็คือ ฮยอนซังโฮ ได้ทำให้ตัวละคร ดูมีความหลากหลาย ซึ่งแต่ละคนนั้นยังมี ความเชื่อมโยงกัน
อีกทั้งสื่อให้เห็นถึง นิสัยดิบเถื่อนในกลุ่มผู้รอดชีวิต ในบางทีก็ทำตัว ดุร้ายกว่าพวกฝูงซอมบี้ ที่กำลังบุกเมืองอยู่ด้วยซ้ำ เรื่องความสัมพันธ์คนในครอบครัว ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ภาพยนตร์เรื่องตั้งใจ สอดแทรกเข้ามา ตลอดทั้งเรื่อง
ตั้งแต่เริ่มดำเนินเรื่องเลยทีเดียว พอเรื่องราวเล่ามาถึงตอนจบ เรียกได้ว่าการวางพลอตต่าง ๆ นั้นดีพอสมควร ทำให้คนดูต้องติดตามไปถึงตอนจบว่า จะสรุปตอนจบเป็นยังไงกันแน่
ต้องขอบอกก่อนเลยว่า คนไหนที่คาดหวัง กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ว่าจะออกมา เหมือนภาคแรกนั้น คงจะรู้สึกผิดหวังกันเล็กน้อย
เพราะเรื่องราวของภาคต่อ แนวทางแตกต่าง รีวิวซีรีส์ กันเลยทีเดียว ภาคต่อเนื้อเรื่อง ที่ราวกับหนังแอคชั่น ซึ่งปนความดราม่า เรื่องครอบครัว และความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของตัวละคร ที่ก็ถือได้ว่าทำออกมา ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
Kingdom: Ashin of the North (ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด: อาชินแห่งเผ่าเหนือ)
เป็นความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นในชนเผ่าที่อยู่ฝั่งเหนือ กับอาณาจักรโชซอน ซึ่งได้ทำลายชีวิต ที่แสนสงบสุขของอาชินไป หญิงสาวที่อยู่ใน หมู่บ้านชายแดน ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก ซึ่งเธอได้สู้อดทน เพื่อมีโอกาสที่จะได้ล้างแค้น
วันหนึ่งเธอรับรู้ เรื่องบางอย่าง ส่งผลให้ชีวิตของเธอ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เนื้อเรื่องเล่าเกี่ยวกับ หญิงสาวที่ไปเจอกับสมุนไพรคืนชีพ สมุนไพรที่เป็นสาเหตุของการเกิด เหตุการณ์เชื้อซอมบี้ ได้แพร่กระจาย ไปทั่วทั้งแผ่นดิน ซอมบี้โชซอน
เป็นการพูดถึงเหตุการณ์ ในอดีตของ อาชิน ตัวละครใหม่ที่มาอยู่ใน ตอนจบของซีรีส์ซีซั่น 2 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนเหตุการณ์ใน ซีรีส์คิงดอม อีกทั้งยังมีตัวละคร ที่อยู่ในซีรีส์มาอยู่ในภาพยนตร์ ซึ่งเนื้อเรื่องจะย้อนไปพูดถึง สิ่งที่เป็นความขัดแย้ง ฝั่งเหนือของโชซอน
เนื้อเรื่องยังคงพูดถึง เรื่องของการเมือง รวมถึงสมุนไพรคืนชีพ ที่เป็นเรื่องเดียวกับซีรีส์ ซึ่งเรื่องการเมือง ที่อยู่ในภาพยนตร์ จะไม่ได้ชิงไหวพริบเฉือนคม เหมือนกับในซีรีส์
แต่จะพูดถึงเรื่องผลกระทบ ที่ได้ตัดสินใจทางการเมืองแทน เนื้อหาจะเล่าเรื่องไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะมา อัดในตอนต้น ๆ ของเรื่อง ซึ่งในภาคนี้อาจจะหนักไปทางดราม่า ภาพยนตร์จะถ่ายทอดให้เห็น ถึงความยากลำบาก ของอาชินซะส่วนใหญ่
เกือบครึ่งของเรื่องที่เล่าถึง ความรู้สึกที่ค่อย ๆ แหลกสลายของอาชิน ถือว่าเป็นหนังที่ดูแล้ว รู้สึกหดหู่มาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งเลย
ภาพยนตร์ภาคนี้ เหมือนการเตรียมตัว ก่อนที่จะไปรับชม Kingdom ซีซั่น 3 เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ Kingdomเกาหลี และมีความคล้ายเรื่อง Joker (2019) มานิด ๆ ที่เนื้อเรื่องมีการนำเสนอ เรื่องราวที่เกี่ยวกับการเมือง
ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของค่ายหนังนี้ โดยสร้างความแตกต่าง ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือสอดแทรกดราม่า และการขยี้อารมณ์ลงไป
หากคนไหนเป็นแฟนซีรีส์ Kingdom ไม่ควรพลาดเลยค่ะ เนื่องจากหนังจะมีการ พูดถึงปมบางอย่างที่ซีรีส์ได้ผูกเอาไว้ อีกทั้งยังทำให้ผู้ชม สามารถที่จะคาดเดา ถึงเรื่องราวในซีรีส์ซีซั่นที่ 3 ได้อีกด้วย
เรียบเรียงโดย อลิส